เสื้อแดง ปรากฎการณ์การเคลื่อนไหวใหญ่ของมวลชน

นปช.หรือกลุ่ม "เสื้อแดง": ปรากฏการณ์การเคลื่อนไหวใหญ่ของมวลชนปรากฏการณ์การเคลื่อนไหวใหญ่ของมวลชนอีกครั้ง คราวนี้เป็นการรวมตัวประท้วงของประชาชนรากหญ้าภายใต้การนำของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่ม "เสื้อแดง" ได้สำแดงพลังในการชุมนุมประท้วงรัฐบาลอภิสิทธิ์อย่างเป็นระบบในเดือนเมษายน ๒๕๕๒ แล้วจบลงด้วการถูกสลายของกองกำลังทหาร "บูรพาพยัคฆ์" อันทำให้รัฐบาลและกองทหารเชื่อว่าตนจะสามารถทำการสลายการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงในวันที่ ๑๐ เมษายนนี้ได้อีกอย่างง่ายดาย
"สองมาตรฐาน"การเคลื่อนไหวชุมนุมประท้วงครั้งล่าสุด ซึ่งเริ่มด้วยการยกขบวนเดินทางเข้ามายังกรุงเทพมหานครอย่างขนานใหญ่ และได้ยึดสะพานผ่านฟ้าฯ ถนนราชดำเนิน ทำการประท้วงอย่างอหิงสาสงบสันติก็ดำเนินไปอย่างยาวนานกว่าที่ทุกฝ่ายเคยประเมินไว้ จำนวนปริมาณผู้ชุมนุมจากต่างจังหวัดนับได้ถึงจำนวนแสน นับเป็นการชุมนุมประท้วงของคนรากหญ้าและต่างจังหวัดที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ในทางความคิดและนโยบายการเมือง ผู้ชุมนุมก็มีความคิดเป็นเอกภาพ มีทรรศนะตรงกันในเรื่องความไม่ยุติธรรมของระบบปกครองฯ ประโยคที่กลายมาเป็นวรรคทองไปก็คือ "สองมาตรฐาน" ยากที่คนในสังคมไทยจะไม่เข้าใจ ไม่มีใครโดยเฉพาะคนที่ได้เปรียบในสังคมนี้จะไม่เคยได้รับอานิสงส์ของสิ่งที่เรียกว่า "สองมาตรฐาน"
"ระบอบอำมาตย์" - "อำมาตยาธิปไตย" - "ไพร่"อีกวาทกรรมหนึ่งที่ปรากฏขึ้น และได้รับการตอบรับจากผู้ชุมนุมและแนวร่วม ผู้สังเกตุการณ์ทั่วไปอย่างกว้างขวาง นั่นคือวลีว่า "ระบอบอำมาตย์" "อำมาตยาธิปไตย" และในที่สุด การเรียกตัวเองของกลุ่มผู้ประท้วงจากชนบทอันกว้างใหญ่ว่า "ไพร่" ภาษาและวาทกรรมของคำทั้งหลายนี้ น่าสนใจอย่างยิ่ง เนื่องจากว่าในทางวิชาการแล้ว ภาษาและคำเหล่านี้เป็นคำเก่าและความหมายเก่าที่ถูกใช้และเข้าใจกันในบริบทของประวัติศาสตร์โบราณ หรือก่อนสมัยใหม่เท่านั้น การใช้อย่างทั่วไปที่ยังดำรงอยู่ก็ในด้านบันเทิง เช่น ละครโทรทัศน์ ประเภทจักรๆ วงศ์ๆ ซึ่งยังมีการสร้างและฉายให้เยาวชนไทยดูอย่างไม่เสื่อมคลาย ไม่ว่าโลกจะภิวัฒน์ไปถึงไหน เด็กไทยก็ยังถูกปลูกฝังด้วยคติไทยๆ แบบเด็กไทยเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ อีกด้านก็ใช้ในการบริภาษหรือแสดงความไม่พอใจเป็นส่วนบุคคลเท่านั้น ไม่มีการใช้ในพื้นที่สาธารณะอย่างมีความหมายร่วมสมัยได้
อันนี้ก็เป็นพัฒนาการของการต่อสู้ในการเมืองไทยที่ขัดกัน ในขณะที่กลุ่ม นปช.เสื้อแดงมีจุดหมายไปสู่อนาคตที่ใหม่กว่าและดีกว่าเก่า แต่ภาษาและคำที่ใช้ในการสื่อและฉายไปสู่อนาคตกลับเป็นคำเก่าและภาษาเก่าที่ไม่มีชีวิตแล้ว คราวนี้พวกเขาใส่ชีวิตและพลังของความรู้สึกร่วมกันเข้าไปในภาษาและคำเก่าเหล่านั้นได้ ทำให้มันกลับมีชีวิตขึ้นมาอีก ที่ตลกคือ ชีวิตใหม่ของคำเก่าเหล่านี้กลับเป็นเครื่องมือทิ่มแทงตัวมันเอง มากกว่าการให้ชีวิตเพื่อให้มันกลับมามีการดำรงอยู่อย่างธรรมชาติอีกเหมือนเดิม.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น